วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

วัดพระพุทธบาทภูพานคำ

          เป็นวัดที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองและพระพุทธรูปสีขาวขนาดใหญ่บนยอด ภูพานคำ
เที่ยว-วัดภูพานคำ
          ตั้งบริเวณไหล่เขาภูพานคำ อำเภออุบลรัตน์ เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองในมณฑป และ พระพุทธรูปสีขาวขนาดใหญ่ หรือหลวงพ่อใหญ่ สูง 14 เมตร อยู่บนยอดเขา มีบันไดสวรรค์ทางขึ้นจากลานวัดไปยังยอดเขา จำนวน 1,049 ขั้น หรือจะขับรถยนต์ขึ้นไปถึงยอดเขาก็ได้ บนยอดเขามองเห็นทัศนียภาพทะเลสาบเขื่อนอุบลรัตน์ได้สวยงาม หน้าวัดพระพุทธบาทภูพานคำ เป็นวัดที่มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานบนยอดเขา ซึ่งฐานของพระพุทธรูปยังมีการสร้างเป็นศาลา พุทธศาสนิกชนสามารถเข้าไปในฐานขององค์พระเพื่อกราบไหว้พระพุทธรูปองค์เล็กที่ประดิษฐานอยู่ภายใน
          ภายในวัดพระพุทธบาทภูพานคำ เมื่อผ่านซุ้มประตูเข้ามาจะเห็นศาลาและวงเวียนรูปปั้นช้าง ทางขวามือมีทางตัดเข้าไปได้อีกซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินขึ้นเขาด้วยบันไดสวรรค์ เป็นขั้นบันไดสวรรค์สูงขึ้นไปถึงยอดเขา 1049 ขั้น มีพญานาคเลื้อยทั้ง 2 ช้าง ยาวตลอดแนวของบันได จากตรงนี้มองเห็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่อยู่บนยอดเขา พระพุทธรูปองค์นี้มีพระนามว่า หลวงพ่อใหญ่ (ตามการเรียกขานของชาวบ้าน) สูง 14 เมตร เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีผู้คนศรัทธากันอย่างกว้างขวางในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เที่ยว-วัดภูพานคำ1
ภายในศาลาฐานหลวงพ่อใหญ่
          เสี่ยงทายยกพระสังกัจจายน ก็เป็นการเสี่ยงทายในเรื่องโชคลาภ คำถามและวิธีการยกจะเขียนอยู่ที่ฐานพระ
การเดินทาง
          ไปได้ตามทางหลวงหมายเลข 2 (ขอนแก่น-อุดรธานี) เป็นระยะทาง 26 กิโลเมตร จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าไปทางเขื่อนอุบลรัตน์อีก 24 กิโลเมตร รวมระยะทางห่างจากตัวเมือง 50 กิโลเมตร วัดพระบาทภูพานคำ จะอยู่ด้านซ้ายมือ ใช้เส้นทางเดียวกับทางไปเขื่อนอุบลรัตน์ ก่อนถึงประตูทางเข้าบริเวณเขื่อนจะมีป้ายวัดอยู่ด้านซ้ายมือ

ไข่เจียวซูเฟล่

          ถ้าไข่เจียวทอดในกะทะยังฟูไม่พอ คงจะต้องใช้วิธีนี้แล้วล่ะ กับไข่เจียวซูเฟล่ ที่นอกจากจะฟูติดเพดานเตาอบแล้ว ยังไม่ต้องใช้น้ำมันให้คนรักสุขภาพกินแล้วไม่ต้องกลัวอ้วนอีกด้วย และยังเป็นอาหารที่สามารถทานได้ทั้งเด็กแล้วผู้ใหญ่ รสชาติถูกปากแถวยังทำง่าย ใช้เวลาทำน้อย และวัตถุดิบที่นำมาใช้ยังหาได้ง่ายจากในห้องครัว แถมหน้าตาของอาหารยังหน้าอร่อย เหมาะกับคุณแม่ที่ทำให้ลูกๆท่านไข่เจียวซูเฟล่เป็นอาหารเมนูทางเลือกใหม่สำหรับคนที่เบื่อไขเจียวจานธรรมดา และไข่เจียวซูเฟล่ยังสามารถเปลี่ยนใส้ได้ตามใจชอบ ไข่เจียวซูเฟล่เป็นเมนูทำง่ายๆ รองทำกันดูนะค่ะ
อาหาร-ไข่เจียวซูเฟล่
ส่วนผสม
 ไข่ไก่ 3ฟอง
 ลูกชิ้นตามชอบ
 เกลือป่น
 เนยสดชนิดเค็ม
 หม้อ
 ถ้วยที่สามารถเข้าเตาอบได้
 ตะกร้อมือ (หรือเครื่องตีแป้ง)

วิธีทำ
 1.แยกไข่แดงกับไข่ขาว แล้วโรยเกลือป่นลงในไข่แดงเล็กน้อย
 2.ตีไข่ขาวให้ขึ้นฟูจนตั้งยอดแข็ง เตรียมเอาไว้
 3.จากนั้นตีไข่แดงให้เข้ากัน แล้วตักไข่ขาวที่ตั้งยอดแล้วประมาณ 1/4 ส่วน ไปตีผสมกับไข่แดงให้เป็นเนื้อเนียน
 4.นำไข่ขาวที่เหลือเทลงมาตะล่อมกับไข่แดงใหเพอเข้ากัน
 5.นำหม้อขึ้นตั้งไฟ ใส่ลูกชิ้นลงผัดกับเนยเล็กน้อย พอสุกปิดเตา แล้วเทลูกชิ้นลงในถ้วยพร้อมกับไข่ลงไปในถ้วย
 6.นำเข้าเตาอบประมาณ 5 นาที นำออกจากเตา พร้อมเสิร์ฟ เสิร์ฟร้อนๆจะอร่อย

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

"ยำมะม่วง"

ยำมะม่วง

          วันนี้เรามีเมนูสุดแซ่บมาฝากจ้าาา "ยำมะม่วง" เมนูเปรี้ยวจี๊ดทานแก้ง่วงได้เป็นอย่างดี  จะมีวิธีทำอย่างไรบ้าง ไปดูกัน

ส่วนผสม
          1. มะม่วงเปรี้ยวดิบ 1 ลูก
          2. ปลาหมึกแห้ง 1 ถ้วย
          3. เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด 1 ถ้วย
          4. กุ้งแห้ง 3 ช้อนโต๊ะ
          5. หอมแดงซอย 5 หัว
          6. เครื่องปรุงรส พริกขี้หนู หรือพริกป่น, น้ำตาล, น้ำปลา

วิธีทำ
          1. เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วก็ลงมือนำมะม่วงเปรี้ยวดิบล้างปอกเปลือกแล้วสับเป็นเส้นๆ ส่วนปลาหมึกแห้งนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆพอคำพักไว้
เตรียมน้ำยำโดยใส่ผสมน้ำปลา น้ำตาล พริก ให้เข้ากันแล้วชิมรสตามชอบใจ
          2. จากนั้นนำมะม่วงเปรี้ยวดิบสับ ปลาหมึกหั่น กุ้งแห้ง และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอดใส่ถ้วยคลุกเคล้ากับน้ำปรุงให้เข้ากันเป็นอันเสร็จขั้นตอน ตักยำมะม่วงใส่จานที่จัดผักเครื่องเคียงไว้แล้วโรยหน้าด้วยผักชีเล็กน้อยพร้อมกินได้เลย

"ทับทิมกรอบ"

SONY DSC

          วันนี้เรามาทำขนมไทยทานกันดีกว่าค่ะ กับเมนูนี้เลย "ทับทิมกรอบ" จาก คุณ BlackPiano สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่มีการประยุกต์ทำทับทิมกรอบเป็นสีเขียวจากปกติแล้วจะมีแต่บานเย็น งั้นเราลองไปดูกันดีกว่าค่ะว่าจะมีวิธีทำอย่างไรกัน

ส่วนผสม
- น้ำลอยดอกมะลิ
- กะทิสำเร็จรูป 1 กล่อง
- เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ใบเตยมัดเป็นปม
- เทียนสำหรับอบขนม
- แห้ว
- สีผสมอาหารสีแดงผสมน้ำ
- สีผสมอาหารสีเขียวผสมน้ำ
- แป้งมัน
- น้ำตาลทราย (ไม่ขัดสี)
- น้ำแข็งบด

วิธีทำ

1. นำดอกมะลิมาลอยในน้ำทิ้งไว้ เตรียมไว้สำหรับทำน้ำเชื่อมเพื่อความหอมสดชื่น

2. ผสมน้ำกะทิกับเกลือ ใส่ใบเตยมัดเป็นปมลงไป นำขึ้นตั้งไฟ ต้มแค่พอร้อน

3. จุดเทียนสำหรับอบขนมแล้วเป่าให้ดับ ใส่ลงในถ้วยเล็ก ๆ นำไปลอยในน้ำกะทิ ปิดฝาหม้อ อบทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นนำเทียนขึ้นมาจุดใหม่แล้วใส่ลงไปอบซ้ำหลาย ๆ ครั้ง (ยิ่งนานยิ่งดี) เตรียมไว้

4. หั่นแห้วเป็นชิ้นเล็ก ๆ (ซื้อแห้วกระป๋องมา แห้วสด ๆ ก็ยิ่งดี เพราะราคาถูกกว่ากระป๋อง แต่แบบกระป๋องจะหอมหวานกว่าเพราะเค้าแช่ในน้ำเชื่อมมาแล้ว บางคนก็ใช้มันแกวนะ แต่บอกเลยว่าไม่อร่อยเท่าแห้วหรอก มันแกวนาน ๆ ไปจะแห้ง ความกรอบก็สู้แห้วไม่ได้)
5. ผสมน้ำกับสีผสมอาหารทั้ง 2 สี เตรียมไว้
6. ใส่แห้วที่หั่นแล้วลงไปคลุกในสีผสมอาหารแต่ละสีให้เข้ากัน พักไว้ (ให้สีที่ตัวแห้วอิ่มตัวดี ๆ อยากแดงมากก็ทิ้งนาน ๆ แดงน้อยก็ทิ้งแป๊บเดียว)
7. ใส่แห้วทั้ง 2 สีลงคลุกในแป้งมัน (บางคนก็ใส่แป้งท้าวลงไปนิดนึง) คลุกให้แป้งเคลือบดี แล้วร่อนแป้งส่วนเกินออก
8. นำไปลวกในน้ำเดือดจนแห้วลอยขึ้นมา
9. ตักใส่ลงในน้ำเย็น พักไว้
10. ต้มน้ำลอยดอกมะลิที่เตรียมไว้กับน้ำตาลทรายไม่ขัดสี และใบเตย เคี่ยวให้เหนียวเล็กน้อย เตรียมไว้
11. ตักทับทิมกรอบและมรกตใส่ถ้วย ตามด้วยน้ำเชื่อม กะทิ และน้ำแข็งบด พร้อมเสิร์ฟ

"ไก่ผัดขิง"


          เมนูสำหรับคนรักสุขภาพอีกหนึ่งเมนู  นั่นคือเมนู "ไก่ผัดขิง" ที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์จากสมุนไพรอย่างขิง  และยังเป็นเมนูที่ทำง่าย  มีวัตถุดิบที่หาได้ง่าย ๆ ทั่วไป  ไปดูขั้นตอนในการทำกันดีกว่าค่ะ
ส่วนผสม
          - เนื้อไก่ 300 กรัม
          - ขิง 30 กรัม
          - กระเทียม 4 กลีบ
          - หอมหัวใหญ่ ¼ หัว
          - พริกสด 2 เม็ด
          - ต้นหอม 2 ต้น
          - เห็ดหูหนูแห้ง 15 กรัม
          - ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
          - น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
          - น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
          - น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
          1. นำเห็ดหูหนูแห้งมาล้างฝุ่นผงออก แช่น้ำให้นิ่ม สะเด็ดน้ำแล้วตัดส่วนที่แข็งออก จากนั้นนำมาหั่นเป็นชิ้นขนาดพอคำ
          2. ปลอกเปลือกขิง นำมาล้างน้ำให้สะอาด ฝานบางๆ แล้วนำมาซอยเป็นเส้นๆ พักไว้
          3. ปลอกเปลือกหอมหัวใหญ่ เด็ดขั้วพริก ปลอกเปลือกกระเทียม นำมาล้างน้ำให้สะอาด นำหอมหัวใหญ่มาฝานบางๆ หั่นพริกเฉียงๆ และสับกระเทียมให้ละเอียด
          4. นำต้นหอมมาตัดรากออก ล้างน้ำให้สะอาดแล้วนำมาหั่นเป็นท่อนๆ จากนั้น นำไก่มาล้างน้ำให้สะอาดแล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นขนาดพอคำ
          5. เปิดเตาที่ไฟปานกลาง ตั้งกระทะใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อนจึงใส่กระเทียมสับลงไปเจียวจนหอม แล้วจึงใส่ไก่และซีอิ้วขาวลงไป
          6. ผัดไปซักพักจนไก่เริ่มสุกจึงใส่ขิงซอยและหอมหัวใหญ่ลงไป ผัดไปเรื่อยๆ จนไก่สุก
          7. ใส่เห็ดหูหนูลงไป จากนั้น ปรุงรสด้วยน้ำมันหอยและน้ำตาลทราย แล้วผัดให้เครื่องทุกอย่างเข้ากัน
          8. ใส่ต้นหอม และพริกที่หั่นไว้ลงไป ผัดเร็วๆ ให้ทั่ว จากนั้น ปิดเตาและยกลงได้
          9. ตักไก่ผัดขิงใส่จาน จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลยค่ะ

"สังขยาฟักทอง"

สังขยาฟักทอง

          วันนี้เรามีเมนูขนมไทยชื่อดังมาฝากกันจ้า  นั่นคือเมนู "สังขยาฟักทอง" ซึ่งเมนูขนมหวานที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน  และยังมีขั้นตอนในการทำที่ไม่ยุ่งยากอีกด้วย   งั้นเราไปดูกันดีกว่าค่ะว่าจะมีส่วนผสมและวิธีทำอย่างไรบ้าง

สิ่งที่ต้องเตรียม
- ฟักทองลูกเล็ก 1 ลูก
- ไข่ไก่ 8 ฟอง
- น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
- หัวกะทิ 1 ถ้วย
- ฝอยทอง สำหรับหยอดหน้า

วิธีทำ
1. ใช้มีดเจาะไปที่ขั้วฟักทองออกให้เป็นฝา จากนั้นคว้านเอาไส้ออกจนหมดแล้วนำไปล้างให้สะอาด เตรียมไว้
2. ผสมไข่ไก่กับน้ำตาลปี๊บ และหัวกะทิให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว นำไปกรองผ่านตะแกรง จากนั้นเทใส่ลงในผลฟักทอง โรยฝอยทองด้านบน
3. ใส่สังขยาฟักทองลงชามกระเบื้องขนาดพอดีกัน จากนั้นนำไปนึ่งชุดนึ่งที่มีน้ำเดือด นานประมาณ 30-40 นาที หรือจนฟักทองสุก ยกออกจากชุดนึ่ง พักไว้จนเย็น ตัดเป็นชิ้น พร้อมรับประทาน

"ยำไข่ดาว"

ยำไข่ดาว

          หลาย ๆ คนคงจะชื่นชอบอาหารประเภทยำและอาหารประเภทนี้ยังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก  เพราะมีรสชาติที่จัดจ้านของน้ำยำ  นอกจากนั้นยังมีการนำเอาน้ำยำมายำกับเมนูต่าง ๆ อีกด้วย  และไข่ดาวก็เป็นอีกเมนูหนึ่งที่มีการนำมาทำเป็นเมนู "ยำไข่ดาว"  แค่ฟังชื่อก็เป็นเมนูที่น่าสนใจมาก ๆ แล้วหล่ะ  งั้นเราไปดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีส่วนผสมและขั้นตอนในการทำอย่างไรบ้าง

ส่วนผสมสำหรับทำยำไข่ดาว
          - ไข่ไก่ 3 ฟอง
          - พริกสดซอย 1 ช้อนโต้ะ
          - หอมหัวใหญ่ซอย 2 ช้อนโต้ะ
          - แครอทซอย 2 ช้อนโต้ะ
          - มะเขือเทศหั่น 1 ลูก
          - ต้นหอมซอยท่อนยาว 1 ช้อนโต้ะ
          - น้ำมะนาว 2 ช้อนโต้ะ
          - น้ำตาล 2 ช้อนโต้ะ
          - น่้าปลา 2 ช้อนโต้ะ
          - น้ำมันสำหรับทอดไข่

วิธีทำยำไข่ดาว
          1. ตั้งกระทะน้ำมันทอดไข่ดาวให้สุกกรอบ จากนั้นหั้นเป็นชิ้นพอคำ จากนั้นวางใส่จาน
          2. เตรียมน้ำยำโดย ผสม น้ำตาล น้ำปลา และน้ำมะนาวให้เข้ากัน จากนั้น ใส่ หอมหัวใหญ่ ต้นหอม แครอท มะเขือเทศ คลุกส่วนผสมให้เข้ากับน้ำยำ
          3. ราดยำลงบนจานไข่ดาวที่เตรียมไว้แล้ว พร้อมรับประทาน

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

"ยำผักบุ้งกรอบ"

ยำผักบุ้งกรอบ
          เป็นอีกหนึ่งเมนูที่น่าสนใจ  นั่นก็คือเมนู "ยำผักบุ้งกรอบ" ที่แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกอยากจะลิ้มลองแล้ว  และปัจจุบันยังเป็นที่นิยมทานอีกด้วย  ผักบุ้งที่นำไปชุบแป้งทอดจนกรอบ  ทานกับน้ำยำรสแซ่บ  อร่อยสุด ๆ ไปเลย
ส่วนผสม
1.ผักบุ้งไทย 5 ต้น
2.กุ้งลวกสุก 5 ตัว (แกะเปลือกผ่าหลัง)
3.หมูสับลวกสุก 50 ก.
4.หอมแดงซอย 2 หัว
5.พริกขี้หนูซอย 1 ชต.
6.กระเทียมสับหยาบ 1 ชต.
7.กะทิ 80 มล.
8.น้ำพริกเผา 1 ชต.
9.ถั่วลิสงคั่ว 1 ชต.
10.แป้งทอดกรอบ 300 ก.
11.น้ำเย็นจัด 100 มล.
12.น้ำปลา 1 ชต.
13.น้ำเชื่อม 1 ชต.
14.น้ำมะนาว 1 ชต.
15.น้ำมันปาล์ม 1 ลิตร
วิธีทำ
1.หั่นผักบุ้งขนาด 2 นิ้ว
2.ผสมแป้งทอดกรอบ น้ำเย็นจัด คนให้เข้ากัน
3.จากนั้นเติมผักบุ้งลงในแป้ง คลุกแป้งให้ทั่วผักบุ้ง
4.ตั้งน้ำมันให้ร้อน นำผักบุ้งลงทอดทีละชิ้น ให้พอเหลืองกรอบ สะเด็ดน้ำมันพักไว้ก่อน
5.ปรุงน้ำยำโดยเทกระเทียม พริก น้ำเชื่อม น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำพริกเผา กะทิ คนให้เข้ากัน
6.เติมหอมแดง หมูสับ กุ้ง คลุกผสมให้เข้ากันดี
7.จัดเสิร์ฟโดยวางผักบุ้งลงในจาน ตามด้วยตักน้ำยำใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยถั่วลิสงคั่ว เป็นอันเสร็จ

สูตรเด็ด "ตับหวาน"

ตับหวาน
          เมนูอาหารอีสานยอดฮิตรสแซ่บต้องเมนูนี้เลย "ตับหวาน" ตับที่ลวกนุ่ม ๆ และรสหวานจากตับกับเครื่องปรุงรสจัดจ้าน  ทานคู่กับผักสดและข้าวเหนียวร้อน ๆ ฟินสุด ๆ ไปเลยจ้าา  นอกจากจะแซ่บแล้วยังมีวิธีทำที่ไม่ยากเลย  สามารถหาส่วนผสมมาทำทานเองที่บ้านได้ด้วย  งั้นเราไปดูกันดีกว่าค่ะว่าจะมีส่วนผสมและขั้นตอนในการทำอย่างไรบ้าง
ส่วนผสม
          - ตับหมู 200 กรัม
          - ข้าวคั่วป่น 1 ช้อนโต๊ะ
          - พริกป่น 1 ช้อนชา (หรือเผ็ดตามความชอบ)
          - น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
          - น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
          - หอมแดงซอย 1 ช้อนโต๊ะ
          - ต้นหอมซอย 2 ต้น
          - ใบสาระแหน่ 0.5 ถ้วยตวง
วิธีทำ
          1. ล้างตับหมูให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชั้นบาง ๆ
          2. นำตับหมูไปลวกในน้ำเดือดให้พอสุก ๆ ดิบ ๆ แล้วตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ ใส่ชามผสมไว้
          3. ใส่เครื่องปรุงลงไป ข้าวคั่วป่น พริกป่น น้ำมะนาว น้ำปลา หอมแดงซอย แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน
          4. ตักเสิร์ฟโรยด้วยใบสาระแหน่ รับประทานคู่กับผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว หรือกะหล่ำปลี

"ผัดเปรี้ยวหวาน"

ผัดเปรี้ยวหาน

           "ผัดเปรี้ยวหวาน" เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมอย่างมากอีกเมนูหนึ่ง  นอกจากจะมีรสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ นอกจากรสชาติที่เป็นจุดเด่นแล้ว ส่วนผสมภายในผัดเปรี้ยวหวานก็มีผักหลากหลายสีสันอีกด้วย  และยังมีขั้นตอนในการที่ไม่ยุ่งยาก  เราไปดูกันดีกว่าค่ะว่าจะมีขั้นตอนในการทำอย่างไรบ้าง

ส่วนผสม
          - เนื้อหมู 200 กรัม
          - สับปะรด 100 กรัม
          - แตงกวา 3 ลูก
          - มะเขือเทศ 1 ลูก
          - พริกยักษ์สีต่างๆ 20 กรัม
          - หอมใหญ่ 1 หัว
          - กระเทียมสับ 2 ช้อนชา
          - น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
          - ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
          - น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
          - ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ
          - น้ำเปล่าเล็กน้อย
          - น้ำมันพืชสำหรับผัด

วิธีทำ
          1. เริ่มจากหั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นพอคำ ผักต่างๆ ก็หั่นเป็นชิ้นพอคำ เตรียมไว้
          2. จากนั้นนำกระทะตั้งไฟกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อนใส่กระเทียมสับลงไปผัดจนหอม ใส่เนื้อหมูลงไปผัดพอสุก ใส่หอมใหญ่ มะเขือเทศ พริกยักษ์ แตงกวา และสับปะรดลงไปผัดสักครู่
          3. ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ซีอิ้วขาว น้ำมันหอย และมะเขือเทศ ใส่น้ำเปล่าลงไปนิดหน่อย
          4. ผัดต่อจนผักเริ่มสุก ปิดไฟแล้วตัดใส่จานเสิร์ฟได้เลย

"ปลาช่อนลุยสวน"

ปลาช่อนลุยสวน

          "ปลาช่อนลุยสวน" เรียกได้ว่าเป็นเมนูเด่นประจำร้านอาหารเลยก็ว่าได้หรืออาจจะเป็นเมนูกับแกล้มชั้นเลิศอีกหนึ่งเมนู  ปลาช่อนที่นำมาทอดจนกรอบนอกนุ่มใน ราดด้วยน้ำยำรสชาติจัดจ้านถึงใจ  และเมนูนี้ยังอุดมไปด้วยสมุนไพรที่มีประโยชน์มากมายอีกด้วย  งั้นเราไปดูกันเลยดีกว่าจะมีส่วนผสมและขั้นตอนในการทำอย่างไรบ้าง

ส่วนผสม
- ปลาช่อน 1 ตัว
- พริกขี้หนูบด 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- ผักชีฝรั่งหั่นฝอย 2 ช้อนโต้ะ
- ผักชีหั่นฝอย 2 ช้อนโต้ะ
- ใบสาระแหน่ 2 ช้อนโต้ะ
- ตะไคร้หั่น 2 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงซอย 4 ช้อนโต๊ะ
- มะนาวหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าพร้อมเปลือก 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 4 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1. ตั้งน้ำมันให้ร้อน นำปลาช่อนลงไปทอดปลาให้เหลือง นำปลามาสะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จาน
2. ทำน้ำยำ โดย ดยผสมน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาล หอมแดงหั่น ตะไคร้หั่น ผักชีหั่น ผักชีฝรั่งหั่น เปลือกมะนาวหั่นเป็นลูกเต๋าและพริกขี้หนู ผสมให้เข้ากัน
3. ราดน้ำยำลงบนจานปลาช่อนลุยสวนที่จัดไว้แล้ว

"หมูมะนาว"

หมูมะนาว
          พูดถึงเมนูกับแกล้มชั้นเลิศก็คงต้องเป็นเมนูนี้เลย "หมูมะนาว" เมนูที่ถูกสั่งมากที่สุดเวลาสังสรรค์หรือมีปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ ด้วยความนุ่มของเนื้อหมูที่ลวกพอดี ๆ กำับน้ำจิ้มรสแซ่บ  ทานคู่กับคะน้ากรอบ ๆ อร่อยสุด ๆ ไปเลย  จะมัวรออะไรอยู่ งั้นเราไปลงมือทำกันเลยดีกว่า
ส่วนผสม
- เนื้อหมู หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ตามยาว 200-300 กรัม
- กระเทียมสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูซอยละเอียด ปริมาณตามชอบ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 4-5 ช้อนโต๊ะ
- ก้านคะน้า สำหรับรับประทานคู่
- กระเทียมฝานเป็นแว่นบาง สำหรับโรยหน้า
- ใบสะระแหน่ สำหรับโรยหน้า
- พริกแห้งทอดกรอบ สำหรับโรยหน้า
วิธีทำ
1. ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟจนเดือด ใส่เนื้อหมูลงลวกพอสุก (ประมาณ 30 วินาที อย่าลวกนาน เพราะเนื้อหมูจะแข็ง) ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ จัดใส่จานที่รองด้วยก้านคะน้า เตรียมไว้
2. ผสมกระเทียม พริกขี้หนู น้ำตาลทราย น้ำปลา และน้ำมะนาวเข้าด้วยกันจนน้ำตาลทรายละลาย ชิมรสตามชอบ ราดลงบนหมูที่เตรียมไว้ โรยด้วยกระเทียมฝาน ใบสะระแหน่ และพริกแห้งทอดกรอบ พร้อมรับประทาน

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

"โป๊ะแตกทะเล"

โป๊ะแตกทะเล

          หากจะถามเมนูอาหารทะเลที่เป็นต้มยำรสแซ่บ ต้องเมนูนี้เลย "โป๊ะแตกทะเล" หรือจะเรียกง่าย ๆ ว่าต้มยำทะเลน้ำใส ที่รสชาติเผ็ดร้อนหอมกลิ่นใบโหระพา  และยังเปนเมนูที่มีวิธีทำที่ง่ายมาก ๆ งั้นเราไปดูกันดีกว่าค่ะว่าจะมีส่วผสมและขั้นตอนในการทำอย่างไรบ้าง

ส่วนผสม
1.ตะไคร้ 4 ต้น
2.ข่า 1 แง่ง
3.ใบมะกรูด 10 ใบ
4.มะนาว 3 ลูก
5.น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
6.เห็ดฟาง 10 หัว ผักชีฝรั่ง 1/2 ขีด
7.ใบโหระพา
8.ปลาทับทิม 3 ขีด
9.ปลาหมึก 3 ขีด
10.กุ้ง 4 ขีด

วิธีทำ
1. น้ำ 2 ถ้วย ตั้งไฟให้เดือดแล้วใส่ ข่า ตะไคร้ลงไปต้มจนเดือด
2.ใส่ปลา ปลาหมึก กุ้ง ลงไปต้มให้เดือด
3.ใส่เห็ดฟาง ผักชีฝรั่ง ใบมะกรูดลงไป
4.ใส่ใบโหระพา พริก น้ำปลา มะนาว ลงไป พอเดือด ปิดไฟ ยกขึ้น
5.ตักใส่ชามพร้อมเสิร์ฟ

"มาการองช็อกโกแล็ต"

มาการอง
          ขนมยอดฮิตในปัจจุบันคงต้องยกให้นี่เลย "มาการอง" มีลักษณะคล้ายคุกกี้ชิ้นเล็กสองอันประกบกันมีไส้ตรงกลาง มีสีสันสดใส กรอบนอกนุ่มใน สอดไส้ตรงกลางด้วยครีมกานาช (Ganache)  มีหลากหลายรสชาติ เช่น ช็อกโกแลต สตรอเบอร์รี่ วานิลลา กาแฟ อัลมอนด์ หรือรสผลไม้ตามฤดูกาล เป็นต้น และมักนิยมทานคู่กับชาหรือกาแฟ

ส่วนผสมของตัวขนม
          - อัลมอนด์ป่นผง 138 กรัม
          - น้ำตาลทรายป่นละเอียด 76 กรัม
          - ไข่ขาว 115 กรัม ที่แยกทิ้งไว้สักสามวันแล้ว
          - น้ำตาลไอซิ่ง 207 กรัม
          - วานิลา 1 ช้อนชา
          - ผงโกโก้ 25 กรัม

วิธีทำตัวขนม
          1. นำอัลมอนด์ผง น้ำตาลไอซิ่ง ผงโกโก้ ปั่นรวมกันให้ละเอียดอีกครั้ง ถ้าเครื่องบดดีๆใช้เวลาไม่ถึง 10 วินาที อย่าบดนานเพราะอัลมอนต์ จะก่อให้เกิดมีน้ำมันออกมา นำมาร่อนอีกครั้งด้วยกระชอนไม่ให้มีเศษชิ้นใหญ่หลงเหลืออยู่
          2. ตีไข่ขาวพอเป็นฟองหยาบๆด้วยความเร็วปานกลาง จากนั้นทยอยใส่น้ำตาลทรายป่น ละเอียดจนหมด ตีจนได้เนื้อครีมตั้งยอดเกือบแข็งและเป็นเงา
          3. เอาส่วนของแห้งจากข้อ 1 เทใส่ลงในเนื้อครีมไข่ขาว ตะล่อมเร็วๆ พอเข้ากัน เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว คราวนี้ให้กลับเนื้อขนมจากข้างล่างขึ้นข้างบนโดยใช้ที่ปาดเค้ก คนเป็นวงกลมช้อนจากก้นขึ้นมาด้านบน วนตามเข็มนาฬิกาอย่างเบาๆ
          4. เทครีมในข้อ 3 ใส่ถุงบีบ ใช้หัวบีบเบอร์ 12 บีบออกมาเป็นชิ้นกลมๆ เวลาบีบอย่าให้ปลายที่บีบห่างจากแผ่นรองอบมากนัก ( นับ 1 2 3 ในใจแล้วยกขึ้นจะได้ชิ้นบีบที่เท่าๆกัน ) บีบเป็นชิ้นกลมๆ ให้ห่างๆกันพอควร จนเต็มแผ่นรองอบ จับแผ่นรองเคาะเบาสักสองสามครั้งเพื่อไล่ฟองอากาศ
          5. พักให้ผิวขนมแห้งประมาณ 30 นาที ลองเช็คดูโดยแตะแล้วไม่เหนียวติดมือ
          6. นำเข้าเตาอบ ( ไฟ บน- ล่าง มีพัดลม ) ความร้อน 150 องศาเซลเซียส นาน 10 -13 นาที แล้วแต่ขนาดเตาอบ กรณีที่ทำขนมสีอ่อน เมื่ออบไปได้ 7 นาที ให้เอาถาดอบอีกใบบังความร้อนด้านบน จากนั้นจึงอบต่อ อีก 3 นาที แล้วให้เปิดเตาอบ 1 ครั้งเพื่อไล่ความชื้นออกหรือจะใช้วิธีเอาไม้พายขัดเพื่อแง้ม ประตูเตาอบไว้ก็ได้
          7. เมื่ออบเสร็จแล้วนำออกมาวางบนตะแกรง รอซักพักค่อยแกะออกจากแผ่นรองอบ ถ้าตัวเปลือกสุกจะแกะออกได้ง่าย วางรอใส่ไส้ตรงกลาง

"กล้วยบวชชี"

กล้วยบวชชี

           ขึ้นชื่อว่าขนมไทยที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนานและยังเป็นที่นิยมจนถึงปัจจุบัน กับเมนูนี้เลย "กล้วยบวชชี" เมนูขนมที่แสนหวานหอมอร่อยและเป็นที่รู้จักนั้นมีวิธีขั้นตอนในการทำที่ไม่ยากเลย  ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะว่าจะมีส่วนผสมและขั้นตอนอะไรบ้าง

ส่วนผสม
- กล้วยน้ำว้าห่าม 8 ลูก
- หางกะทิ 500 มิลลิลิตร
- ใบเตย 2 ใบ
- น้ำตาลปี๊บ 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
- เกลือปริมาณเล็กน้อย
- หัวกะทิ 400 มิลลิลิตร

วิธีทำ
1. ต้มกล้วยน้ำในน้ำเดือด นานประมาณ 3-5 นาที จนผิวกล้วยเริ่มแตกออก ตักขึ้น ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
2. ต้มหางกะทิกับใบเตยจนเดือด ใส่กล้วยตามด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย และเกลือ ต้มจนเดือดอีกครั้ง ใส่หัวกะทิลงไป ต้มจนเดือดประมาณ 3 นาที ตักใส่ถ้วย พร้อมรับประทาน

"ไข่ขาวยัดไส้"

ไข่ขาวยัดไส้
          วันนี้เรามีสูตรอาหารเพื่อสุขภาพมากฝาก  นั่นก็คือ "ไข่ขาวยัดไส้"  เนื่องจากในไข่ขาวมีแคลลอรี่ที่น้อยกว่าไข่แดงเยอะมาก กับการใช้น้ำมันเพียงเล็กน้อยในการทอด  ทำให้เมน๊้เป็นเมนูที่มีแคลลอรี่น้อยกว่าการทำไข่ยัดไส้ทั่ว ๆ ไป

ส่วนประกอบ

ไข่ขาวยัดไส้1
- หมูสันนอกสับ
- แครอท
- หัวหอม
- มะเขือเทศ
- ถั่วลันเตา
- ข้าวโพดอ่อน
- กระเทียม
- พริกไทยดำ

วิธีทำ
1.ตอกไข่ 2 ฟอง เอาเฉพาะไข่ขาวมาตี ใส่น้ำมันลงบนกระทะ 1 ช้อนชา เกลี่ยน้ำมันให้ทั่วกระทะ แล้วทอดไข่ เมื่อไข่สุก พักใส่จานไว้
ไข่ขาวยัดไส้2
2.ใส่น้ำมัน 1/2 ช้อนชาลงในกระทะ แล้วตามด้วยกระเทียม พริกไทยที่ตำละเอียดแล้วลงไปผัดให้หอม ตามด้วยเนื้อหมู หัวหอม ข้าวโพดอ่อน ถั่วลันเตา แครอท และมะเขือเทศตามลำดับ
ไข่ขาวยัดไส้3
3.ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาวสูตรลดโซเดียม และซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ (ถ้าอยากคลีนมากไม่ต้องใส่ก็ได้จ้า)ผัดให้เข้ากันจนสุก
ไข่ขาวยัดไส้4
4.นำหมูและผักที่ผัดมาใส่ไข่ขาวที่ทอดไว้แล้วห่อ เป็นอันเสร็จพร้อมเสิร์ฟ
ไข่ขาวยัดไส้

ข้อมูลจาก - bookyhealthyclub

"แกงจืดมะระยัดไส้"

แกงจืดมะระยัดไส้

           หากพูดถึงมะระแล้วหลาย ๆ คนคงร้องยี๋ให้เพราะรสชาติที่ขมปี๋ของมัน  แต่ก็อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่คือมะระมีประโยชน์อยู่มากมาย  ดังนั้นเรามาทำมะระขม ๆ ให้ทานง่ายกันมากขึ้นกันดีกว่า  กับเมนูนี้เลย "แกงจืดมะระยัดไส้" ที่ใช้มะระมายัดไส้ด้วยหมูสับรสกลมกล่อม  นอกจากจะอร่อยแล้วยังมีวิธีทำที่ง่ายมาก ๆ ด้วย ไปดูส่วนผสมและขั้นตอนในการทำกันดีกว่าค่ะ

ส่วนผสม
           - มะระ 1 ลูก
           - เนื้อหมูสับ 200 กรัม
           - กระเทียม 5 กลีบ
           - พริกไทย 1/4 ช้อนโต๊ะ
           - น้ำปลา
           - ซุปก้อน 1 ก้อน
           - รากผักชี 1 ราก
           - พริกไทยเม็ด
           - แครอท หั่นเป็นชิ้น หรือกดเป็นดอก
           - ซีอิ๊วขาว สำหรับปรุงรส
           - เกลือป่น 1 ช้อนชา
           - พริกไทยป่น และใบขึ้นฉ่าย สำหรับโรยหน้า

วิธีทำ
           1. หั่นมะระเป็นท่อนสั้น คว้านเอาไส้มะระออก ล้างให้สะอาด เตรียมไว้
           2. โขลกกระเทียมกับพริกไทยให้เข้ากันจนละเอียด ใส่หมูสับลงไปโขลก ปรุงรสด้วยน้ำปลาเล็กน้อย ตักยัดไส้ในมะระ เตรียมไว้
           3. ใส่น้ำลงในหม้อ ตามด้วยซุปก้อน รากผักชี และพริกไทยเม็ด นำขึ้นตั้งไฟแรงจนเดือด ใส่มะระและแครอทลงต้มจนสุก ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว และเกลือป่น ชิมรสตามชอบ ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยพริกไทยป่น และใบขึ้นฉ่าย พร้อมเสิร์ฟ

"แกงไตปลา"

แกงไตปลา

           เมนูอาหารใต้รสเด็ดที่นิยมรับประทานกันทั่วไป กับเมนูนี้เลย "แกงไตปลา" เมนูของคนที่ชื่นชอบความเผ็ดต้องชอบ ทานกับข้าวสวยหรือจะนำมาทานกับขนมจีนก็อร่อยไปอีกแบบ  นอกจากจะมีรสชาติที่แซ่บ เผ็ด และอร่อยสุด ๆ แล้วยังมีวิธีทำที่ง่ายแสนง่ายอีกด้วย  ลองไปดูกันดีกว่าจะมีส่วนผสมและขั้นตอนการทำอย่างไร
ส่วนผสม
           - ไตปลา 1/2 ถ้วย
           - น้ำเปล่าประมาณ 2-3 ถ้วย
           - ส้มแขก 3 ชิ้น
           - หรือมะขามเปียกคั้นน้ำ 1/4 ถ้วย
           - กุ้งสด 300 กรัม
           - ปลาย่างหรือปลากรอบ 100 กรัม
           - น้ำตาลปึก 1 ช้อนโต๊ะ
           - ใบมะกรูด 4 ใบ
           - ข่า 10 แว่นบางๆ หรือหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
           - ตะไคร้หั่นละเอียด 6 ช้อนโต๊ะ
           - ผิวมะกรูด 1 ช้อนโต๊ะ
           - ขมิ้นสดยาวประมาณ 2 นิ้วหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
           - กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ

เครื่องปรุงน้ำพริกแกงไตปลา
           - พริกขี้หนูแห้ง 40 เม็ด
           - พริกขี้หนูสด 1 ช้อนโต๊ะ
           - พริกไทย 10 เม็ด
           - กระเทียม 1/2 ถ้วย
           - หอมหั่นหยาบๆ
           - เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ

ผักที่ใช้ใส่แกง
           - ถั่วฝักยาว
           - ฟักทอง
           - หน่อไม้

วิธีโขลกน้ำพริกแกงไตปลา
           1.พริกขี้หนูแห้ง แช่น้ำให้นิ่ม สงขึ้นให้สะเด็ดน้ำใส่ครกพร้อมกับพริกขี้หนูสด ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด พริกไทย โขลกให้ละเอียด
           2.ใส่หอม กระเทียมและขมิ้น โขลกจนละเอียดใส่กะปิ โขลกจนเข้ากันดีตักขึ้น

วิธีทำ
           1.ใส่ไตปลาในหม้อพร้อมกับน้ำ ประมาณ 2 ถ้วย ตั้งไฟให้ละลาย กรองเอากากออกใส่น้ำพริกแกงละลายลงในหม้อแกง นำไปตั้งไฟจนเดือดทั่ว
           2.ใส่กุ้งสดสับหยาบๆ ปลาย่างเช่น ปลาทู ปลาสีกุน ฯลฯ หรือปลากรอบที่แกะเอาแต่เนื้อ
           3. ใส่ส้มแขกหรือมะขามเปียก น้ำตาลปึก ชิมรสถ้ารสอ่อนให้เติมเกลือ เมื่อรสดีแล้วใส่ผักต่างๆและใบมะกรูดพอผักสุกยกลง

"ข้าวคลุกกะปิ"

บ้านมอ9
          เมนูอาหารไทยยอดนิยมอีกหนึ่งเมนู นั่นคือ "ข้าวคลุกกะปิ" หรืออาจจะเป็นเมนูโปรดของใครหลาย ๆ คนอีกด้วย  วันนี้เรามีสูตรเด็ดของวิธีทำข้าวคลุกกะปิมาฝากกันจ้าา  ไปดูกันดีว่าค่ะว่าจะมีส่วนผสมและขั้นตอนในการทำอย่างไรบ้าง
สิ่งที่ต้องเตรียม (สำหรับหมูหวาน)
- น้ำมันพืชสำหรับผัด
- น้ำตาลปี๊บ 4 ช้อนโต๊ะ
- หมูสามชั้น หั่นเป็นชิ้นบาง 100 กรัม
- กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำหมูหวาน
          1. ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อยลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟพอร้อน ใส่น้ำตาลปี๊บ เคี่ยวจนน้ำตาลเปลี่ยนเป็นสีเข้ม
          2. ใส่เนื้อหมู และกุ้งแห้งลงผัดให้เข้ากัน เติมน้ำลงไปเล็กน้อย ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ผัดผสมให้เข้ากัน และน้ำเริ่มแห้ง ตักขึ้น เตรียมไว้
สิ่งที่ต้องเตรียม (สำหรับข้าวคลุกกะปิ)
- น้ำมันพืชสำหรับผัด
- กะปิอย่างดี 1 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวสวย 2 ถ้วย
- กระเทียมสับหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
- เครื่องเคียงสำหรับรับประทานคู่ (เช่น มะม่วงเปรี้ยวซอยบาง หอมแดงซอยบาง ถั่วฝักยาวซอย ไข่เจียวซอยเป็นเส้น มะนาว พริกหั่นแว่น กุนเชียง หมูหวาน และแตงกวาหั่นบาง)
- ผักชี สำหรับแต่ง
- พริกแห้งทอดกรอบ สำหรับแต่ง
วิธีทำข้าวคลุกกะปิ
          1. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟพอร้อน ใส่กระเทียมลงผัดจนหอม ใส่กะปิลงผัดจนนิ่ม จากนั้นใส่ข้าวลงผัดกับกะปิจนเข้ากันดี
          2. เวลารับประทานให้ตักข้าวคลุกกะปิใส่ถ้วย กดให้แน่น คว่ำลงบนจาน แต่งด้วยผักชีตักหมูหวานที่เตรียมไว้วางข้าง ๆ ข้าว ตามด้วยมะม่วงเปรี้ยวซอยบาง หอมแดงซอยบาง ถั่วฝักยาวซอย ไข่เจียวซอยเป็นเส้น มะนาว พริกหั่นแว่น กุนเชียง หมูหวาน และแตงกวาหั่นบาง พร้อมรับประทาน

"กุ้งอบเกลือ"

กุ้งอบเกลือ
          เมนูอาหารทะเลอร่อย ๆ ทานกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสแซ่บ ต้องเมนูนี้เลย "กุ้งอบเกลือ" กุ้งเนื้อแน่นไปอบกับเกลือจนสุกได้ที่ทานคู่กับน้ำจิ้มรสแซ่บ  ฟินสุด ๆ ไปเลยจ้าา มาดูกันดีกว่าค่ะว่าจะมีขั้นตอนและวิธีการทำอย่างไร
ส่วนผสม
          - กุ้งสด ตัวใหญ่ ๆ
          - เกลือ
ส่วนผสมน้ำจิ้ม
          - พริกขี้หนู
          - กระเทียม
          - น้ำมะนาว
          - น้ำปลา
          - รสดี
          - น้ำอุ่น
          - ผักชี
วิธีทำน้ำจิ้ม
          1. โขลกพริกและกระเทียมพอแหลก
          2. ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา รสดี เติมน้ำอุ่นเล็กน้อย ตามด้วยผักชี คนให้เข้ากันเป็นอันเสร็จ
วิธีทำกุ้งอบเกลือ
          1. นำกุ้งมาล้างใหสะอาด แล้วพักไว้ในหม้อเตรียมอบ
          2. ใส่เกลือลงไป คุลกเคล้าให้เข้ากัน
          3. เติมน้ำเล็กน้อย แล้วปิดฝาหม้อ ตั้งไฟปานกลาง กะระยะพอสุกและน้ำแห้งพอดีเป็นอันเสร็จ
          4. จัดจานพร้อมเสิร์ฟกับน้ำจิ้ม

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2558

"ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์"

ไก่ผัดเม็ดมะม่วง
          อีกหนึ่งเมนูอาหารไทยยอดนิยมที่สามารถทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ นั่นคือเมนูนี้เลย "ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์" เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ความกรุบกรอบของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ทำให้เมนูนี้รสชาติและรสสัมผัส
ส่วนผสม
* เนื้อสะโพกไก่ 300 กรัม (หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ)
* ซ๊อสถั่วเหลือง 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
* ซ๊อสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
* มะม่วงหิมพานต์ 1/3 ถ้วยตวง
* ต้มหอม 2 ต้น (หั่นความยาวประมาณ 1")
* กระเทียม 3 กลีบ (หั่นละเอียด)
* หอมใหญ่ 1/4 หัว (หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ)
* พริกแห้ง 4 เม็ด (หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ)
* น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
* เหล้าจีน (หรือไวน์สำหรับทำอาหาร) 1 ช้อนโต๊ะ
* น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ตั้งกระทะไฟปานกลางใส่น้ำมันรอจนน้ำมันร้อน ใส่กระเทียม, หอมใหญ่ และพริกแห้งลงไปผัดจนกระทั่งกลิ่นเริ่มหอม
2. จากนั้นใส่เนื้อไก่ลงไปผัด ปรุงรสด้วยซ๊อสถั่วเหลือง ซ๊อสหอยนางรม และน้ำตาล
3. ผัดส่วนผสมทั้งหมดในกระทะให้เข้ากัน และผัดจนเนื้อไก่สุก จากนั้นใส่เหล้าจีน มะม่วงหิมพานต์ และต้นหอม ผัดต่อไปอีก 1-2 นาทีจึงปิดไฟ
4. ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558

"ขนมจีบกุ้ง"

ขนมจีบกุ้ง
          หากกำลังมองหาเมนูอาาหารว่างอร่อย ๆ ทำง่าย ๆ ต้องเมนูนี้เลย "ขนมจีบกุ้ง"  เป็นเมนูที่ทำง่ายมาก ๆ อร่อยได้ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่  ทานคู่กับซอสเปรี้ยว ฟินสุด ๆ วันนี้เราจึงนำขั้นตอนในการทำ ขนมจีบกุ้ง มาฝาก ไปดูกันดีกว่าว่าจะมีส่วนผสมและวิธีทำอย่างไรบ้าง
ส่วนผสม
          1. เนื้อกุ้งสับละเอียด 200 กรัม
          2. เนื้อหมูบด 250 กรัม
          3. มันหมูแข็งบด 50 กรัม
          4. เกลือป่น 1 1/2 ช้อนชา
          5. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
          6. พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
          7. แป้งมัน 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
          8. น้ำมันงา 1 ช้อนชา
          9. แผ่นเกี๊ยว
          10. กระเทียมเจียว
          11. ซอสเปรี้ยว (จิ๊กโฉ่)
วิธีทำ
          1. นวดกุ้งกับเกลือให้เข้ากันจนเหนียว เมื่อเหนียวเนื้อกุ้งจะขุ่น
          2. เติมเนื้อหมูบด มันหมูแข็งบด น้ำตาลทราย พริกไทยป่น แป้งมัน และน้ำมันงา ผสมให้เข้ากัน นวดจนส่วนผสมเหนียว นำส่วนผสมไปแช่ให้เย็น
          3. ตักส่วนผสมวางลงบนแผนเกี๊ยว ห่อจับจีบให้สวยงาม ตัดมุมแผ่นเกี๊ยวออกให้เสมอกัน เรียงขนมจีบลงในลังถึง นึ่งไฟปานกลางประมาณ 10 นาทีพอสุก ยกลง
          4. จัดใส่จานพรมด้วยกระเทียมเจียว เสิร์ฟรับประทานกับซอสเปรี้ยว

"ขนมถ้วย"

ขนมถ้วย
          เมนูขนมไทยอีกหนึ่งเมนูยอดฮิตนั่นคือ "ขนมถ้วย" ขนมที่มีมาตั้งแต่โบราณและยังคงนิยมมาจนถึงปัจจุบัน  ด้วยความหอมมันจากกะทิและความนุ่มละมุนลิ้นของเนื้อขนมจึงทำให้เมนูนี้ยังคงฮอตฮิตจนถึงปัจจุบัน  นอกจากจะหวาน หอม อร่อยแล้วยังมีวิธีทำที่ไม่ยุ่งยากอีกด้วย  วันนี้เรามีวิธีทำ ขนมถ้วย จากคุณ RinS Cook Book สมาชิกเว็บไซต์ยูทูปดอทคอม มาฝากกันจ้าา ไปดูกันดีกว่าค่ะว่าจะมีส่วนผสมอะไรบ้างและมีวิธีทำอย่างไร
ส่วนผสม (หน้าขนม)
          - แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
          - น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
          - เกลือป่น 1 ช้อนชา
          - หัวกะทิ 2 ถ้วย
ส่วนผสม (ตัวขนม)
          - แป้งข้าวเจ้า 3/4 ถ้วย
          - น้ำตาลปี๊บ 230 กรัม
          - แป้งมันสำปะหลัง 1/4 ถ้วย
          - แป้งท้าวยายม่อม 1 ช้อนโต๊ะ
          - น้ำลอยดอกมะลิ 1 1/4 ถ้วย (หรือน้ำผสมกลิ่นมะลิ)
          - หางกะทิ 1/2 ถ้วย
อุปกรณ์
          - ถ้วยขนมถ้วย (หรือถ้วยทนความร้อนสำหรับนึ่ง)
          - ชุดนึ่ง
วิธีทำ
1. ทำหน้าขนมโดยผสมแป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทราย เกลือป่น และหัวกะทิเข้าด้วยกัน ใช้มือขยำส่วนผสมจนเข้ากันและไม่เป็นเม็ด จากนั้นนำไปกรองผ่านตะแกรง เตรียมไว้
2. ทำตัวขนมโดยผสมแป้งข้าวเจ้า น้ำตาลปี๊บ แป้งมันสำปะหลัง แป้งท้าวยายม่อม น้ำลอยดอกมะลิ และหางกะทิเข้าด้วยกัน ใช้มือขยำส่วนผสมจนเข้ากันจนน้ำตาลปี๊บละลายหมด จากนั้นนำไปกรองผ่านตะแกรง เตรียมไว้
3. นำถ้วยขนมไปนึ่งประมาณ 5 นาที (ป้องกันไม่ให้ขนมติดถ้วย)
4. เทส่วนผสมตัวขนมลงไปในถ้วย (ให้เกินครึ่งถ้วยเล็กน้อย) จากนั้นปิดฝานึ่งประมาณ 5 นาที พอครบเวลา ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้ประมาณ 1-2 นาที
5. เทส่วนผสมหน้ากะทิลงไปจนเต็มถ้วย นำไปนึ่งต่ออีกประมาณ 6-7 นาทีจนขนมสุก ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็นประมาณ 10 นาที
6. ค่อย ๆ ใช้ไม้พายหรือไม้ไศกรีมแช่น้ำแคะขนมออกจากถ้วย จักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ



คลิป How to Make Thai Steamed Coconut Pudding ขนมถ้วย โดย คุณ RinS Cook Book สมาชิกเว็บไซต์ยูทูปดอทคอม